Review [MIB2 - Men IN Black 2 : หน่วยจารชนพิทักษ์จักรวาล 2 ] (2002)

 

Review :  MIB 2 - Men IN Black 2 : หน่วยจารชนพิทักษ์จักรวาล 2 (2002)

ชื่อเรื่อง : MIB 2 - Men IN Black 2 : หน่วยจารชนพิทักษ์จักรวาล 2
กำกับโดย : Barry Sonnenfeld (แบร์รี่ ซอนเนนเฟลด์)
นักแสดงนำ : ทอมมี่ ลี โจนส์ , วิลล์ สมิธ , ลาร่า ฟลินน์ บอยล์ , ริป ทอร์น , จอห์นนี่ น็อกซ์วิลล์
หมวดหมู่ : คอมเมดี้ / แอ็คชั่น / วิทยาศาสตร์ / เอเลี่ยน
ความยาว : 98 นาที
วันที่เข้าฉาย : 3 กรกฎาคม 2545 (ประเทศไทย)

เรื่องย่อ : 

    เป็นระยะเวลาถึง 4 ปี นับจาก เจ้าหน้าที่ J.(วิลล์ สมิธ) กับ K. (ทอมมี่ ลี โจนส์) ร่วมแรงร่วมใจกันปัดเป่าภัยพิบัติของห้วงจักรวาลนั้น ได้ถึงจุดสิ้นสุดเมื่อ K. ได้ขอหวนคืนสู่ชีวิตแบบมนุษย์ปกติ ขณะที่ J เข้ารับตำแหน่งแทนอดีตคู่หู ในฐานะเจ้าหน้าที่ผู้ทรงประสิทธิภาพที่สุด แห่งหน่วยงานอันไม่เป็นทางการของรัฐบาล ซึ่งมีหน้าที่จัดการเอเลี่ยนทุกประเภทบนพื้นโลก "Men In Black" ระหว่างการออกสำรวจอาชญากรรมของเอเลี่ยนตามปกตินั้น J กลับค้นพบแผนการชั่วร้ายของ เซอร์ลีน่า (ลาร่า ฟลินน์ บอยล์) ศัตรูจากดาวไคโลเธียน ผู้ซ่อนตัวตนที่แท้จริง ไว้ภายใต้คราบของนางแบบชุดชั้นในสุดเซ็กซี่ โดยมีเพียงบุคคลเดียวเท่านั้น ที่ล่วงรู้ปฏิบัติการลับบนโลกครั้งนี้ของเซอร์ลีน่า นั่นก็คืออดีตเจ้าหน้าที่ K. เพื่อต่อสู้กับหญิงสาววายร้ายเจ้าของแผนการที่ยากเข็ญและท้าทาย MIB มากที่สุด นับตั้งแต่องค์กรแห่งนี้ พวกเขาทั้งคู่ต้องออกปฏิบัติภารกิจร่วมกันอีกครั้ง เพื่อปกป้องโลกให้รอดพ้นจากเงื้อมมือบรรดา "เดนจักรวาล" ทั้งหลาย.

รีวิว :

    หนังเรื่องนี้ในภาคนี้แม้จะไม่มีเนื้อเรื่องที่ประติดประต่อกันมากกับภาคแรก แต่หนังจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ J จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในองค์กร โดยเนื้อหาก็ไม่ได้มีความซับซ้อนมากมายอะไรพอที่จะคาดเดาได้ง่าย การดำเนินเรื่องยังคงเหมือนปกติในภาคแรก มีความตลกคอมเมดี้ ผสมกับบู้แอคชั่นตามแบบฉบับหนังในภาคแรกเลย แต่ที่เป็นจุดเด่นนั้นคือ คู่หูใหม่ของ J ที่แปลกแหวกแนวออกไป และเป็นสีสันให้กับภาคนี้อย่างที่สุดและหาไม่ได้อีกแล้วจากหนัง Alien เรื่องอื่นๆ ถ้าใครที่เคยดูแล้วคงจะติดหูกับฉากร้องเพลง "อยากจะร้อง.. ดังๆ" ของนักร้องสาว ปาล์มมี่ แน่นอน และมั่นใจว่าคนที่กำลังจะดูหรือคิดว่าจะดูถ้าดูจบแล้วคุณต้องจำซีนนี้ได้แน่ๆ ซึ่งนี่ก็เป็นจุดขายของหนังอยู่แล้วนะ ตลก ผสมกับฉากบู้ และเดินเรื่องด้วยแนวไขปริศนาตามล่าผู้ร้ายเพื่อหยุดยั้งแผนการทำลายโลก ซึ่งหนังก็รักษามาตรฐานตรงนี้ไว้ได้ดีจนจบเรื่องเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่จะเป็นแบบนี้ไปซะทั้งเรื่องนะ เพราะหนังเองก็มีบางช่วงเวลาให้เราได้พักหายใจบ้าง ดึงเข้าซีนดราม่าบ้าง ซึ่งสุดท้ายแล้ว ตอนจบก็เป็นแบบที่เดากันได้ง่ายมากๆ แต่ก็แอบดาร์กหน่อยๆ ซึ่งพวกเขาทั้งคู่ก็ยังสามารถปกป้องโลกเอาไว้ได้ และแน่นอนว่าพวกเขาได้กลับมาร่วมงานกันใหม่อีกครั้ง

    สรุปเลยหนังเรื่องนี้ภาคนี้เหมาะกับวันหยุดพักผ่อน ที่คุณต้องการจะใช้เวลาว่างหน้าจอ ไปกับการหาอะไรเพลินๆ ดูสักเรื่อง หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์ครับ ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่ดูแล้วก็รอขำไปกับความคอมเมดี้ของหนัง ซึ่งไม่ใช่ตลกแบบมุขตบหน้าหลังทั่วๆ ไปเพราะนี้มันฮาจากการวางบทและการแสดง มันจึงทำให้หนังไม่น่าเบื่อ แนะนำครับ โปรแกรมหนังวันหยุด 300%