Review [MIB3 - Men IN Black 3 : หน่วยจารชนพิทักษ์จักรวาล 3 ] (2012)

Review :  MIB 3 - Men IN Black 3 : หน่วยจารชนพิทักษ์จักรวาล 3 (2012)

ชื่อเรื่อง : MIB 3 - Men IN Black 3 : หน่วยจารชนพิทักษ์จักรวาล 3
กำกับโดย : Barry Sonnenfeld (แบร์รี่ ซอนเนนเฟลด์)
นักแสดงนำ : ทอมมี่ ลี โจนส์ , วิลล์ สมิธ , จอช โบรลิน , เอ็มมา ทอมป์สัน , ไมเคิล สตูลบาร์ก
หมวดหมู่ : คอมเมดี้ / แอ็คชั่น / วิทยาศาสตร์ / เอเลี่ยน
ความยาว : 103 นาที
วันที่เข้าฉาย :  24 พฤษภาคม 2555 (ประเทศไทย)

เรื่องย่อ : 
    เรื่องราวในภาคนี้เกิดขึ้นจากเอเลี่ยนวายร้ายตัวหนึ่งนามว่า บอริส หรือที่หลายคนเรียกเป็นฉายากันว่า "บอริส โคตรไอ้เหี้ยม" ซึ่งแน่นอนว่ามันน่าจะหมายถึงลักษณะนิสัยของตัวบอริสเองที่เหี้ยมโหด ไร้ปราณี ซึ่งบอริสถูกกลุ่ม MIB จับได้ และคนที่จับเขาได้นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน Agent K นั่นเอง บอริสถูกขังอยู่ภายในคุกคุมขังพิเศษที่ดวงจันทร์และในวันหนึ่งด้วยแผนการที่แสนน่าทึ่ง เขาสามารถหลบหนีออกจากคุกนั้นได้ก่อนจะทิ้งคำพูดปิดท้ายเอาไว้ว่า "มาเขียนประวัติศาสตร์กันใหม่ไหม K" และเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องวุ่นๆ ในเช้าวันทำงานของทั้ง J และ K

รีวิว :
    ในภาคนี้นั้นก็ยังมีหลายอย่างคล้ายเดิม ยังคงเป็นหนังตลกที่ล้อเลียนชาวโลกและมนุษย์ต่างดาวที่อาศัยและใช้ชีวิตร่วมกันอยู่ที่โลกเช่นเคย แต่ในภาคนี้จะถูกเติมเต็มด้วยกลิ่นอายความดราม่าเล็กน้อยในช่วงแรกเริ่ม
    โดยหนังจะเล่าไปจนถึงจุดหนึ่งที่จู่ๆ K ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน มีอารมณ์รุนแรงขึ้นและเหมือนจะโมโหง่ายขึ้นกว่าเดิม และยิ่งจู่ๆ ก็มีเรื่องให้ชวนสงสัยเนื่องจากเขาได้ไปสืบสาบถึงบางสิ่งบางอย่า ที่เชื่อมโยงไปหา บอริส โคตรไอ้เหียม ตรงจุดนี้หนังเริ่มจะถ่ายทอดอารมณ์ดราม่าเล็กๆ ออกมาให้ผู้ชมได้เห็น K ผู้ซึ่งเป็นตัวละครที่เฉยฉากับทุกสิ่งอย่าง เริ่มมีอารมร์รุนแรงและสุดท้ายดูเหมือนเขาจะพยายามแสดงให้เห็นถึงความรักที่เขามีต่อคู่หูของเขาเอง J โดยในช่วงนี้แอบมีอารมณ์ซึ้งอยู่เล็กน้อยไม่มากเท่าใด แต่ก็เป็นอะไรที่เราไม่ได้เห็นจากทั้งภาค 1 และ 2 เลย ก็ถือว่าดีนะหนังมีความแปลกใหม่เพิ่มขึ้น
    จนในวันรุ่งขึ้นเรื่องแปลกๆ ได้เกิดขึ้นกับ J เขาเริ่มสงสัยเช้าวันนั้น K หายตัวไปอีกทั้งทุกคนยังทำเหมือนไม่รู้จัก K เลยด้วยซ้ำ เรื่องเริ่มจะวุ่นวายไปกันใหญ่เมื่อจู่ๆ ฝูงเอเลี่ยนที่น่าจะตายไปแล้วกว่า 40 ปี ได้เข้ามาทำการบุกโลกเพื่อหาอาหารและทำลายดาว ในจุดนี้จะเป็นจุดเซอร์ไพรซ์ในหนังเลยเพราะจู่ๆ ก็มีการเดินทางข้ามเวลาเกิดขึ้นและก็เป็นการข้ามเวลาแบบแปลกๆ ซึ่งก็ทำให้เราเพลินไปด้วยได้เล็กน้อยนะ จนย้อนเวลาเสร็จซึ่งหนังก็สื่อออกมาได้ดีในระดับ 1 แต่ก็ไม่ถึงกับดีมากแต่ก็ไม่น่าเกลียด ดูออกจะเป็นธรรมชาติของยุคสมัยเสียด้วยซ้ำ ซึ่ง J ย้อนเวลากลับมาเกือบ 40 ปี และในยุคนั้นยังเป็นยุคที่เรียกได้ว่ายังมีการแบ่งแยกคนผิวสีอย่างชัดเจน ซึ่ง J ก็รับรู้เรื่องนี้ได้ และเนื้อเรื่องก็ดำเนินไปอย่าชุลมุลวุ่นวาย จนกระทั่งเข้าถึงจุดที่ไคล์แมทเลยแล้วกัน
    ในช่วงตอนจบของเรื่องก็จะเป็นฉากต่อสู้สุดมันส์ระหว่าง J กับบอริส เช่นกัน ซึ่งสุดท้ายพวกเขาก็ชนะบอสตัวสุดท้ายไปได้ แต่นั่นยังไม่ใช่จุดที่ดีที่สุดของหนัง ซึ่งหนังได้เผยให้เห็นถึงความลับทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นและเฉลยว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานั้นและอะไรที่เปลี่ยนแปลง K ได้ขนาดนั้น เป็นฉากที่เรียกได้ว่าประทับใจและชวนให้สงสัยในไทม์ไลน์มากๆ 
    และก็ลืมพูดถึงจุดเด่นที่โคตรจะน่าประทับใจของหนังเลยอย่าง "กริฟฟิน" กริฟฟินเป็นตัวละครหนึ่งในหนัง แน่นอนว่าเป็นเอเลี่ยนเขามีพลังวิเศษที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก ในขณะที่โลกอนาคตกำลังย้อนเวลากลับมาผู้คนในอดีดกลับกำลังเฝ้าดูอนาคตอย่างน่าเบื่อและหวังว่าเรื่องร้ายๆจะไม่เกิดขึ้นจนกระทั่งมันเกิด คำพูดหนึ่งของกริฟฟิน ก็ยังเป็นที่น่าจดจำมากๆสำหรับหนังเรื่องนี้ "ความจริงรสขม ดีกว่าคำโกหกรสหวาน" ซึ่งแน่นอนว่าชวนงงเอามากๆ ที่ได้ยินในตอนแรกแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันจริงโคตรๆ ซึ่งนี่เป็นอีกตัวละครที่น่าประทับใจมากๆ
    หากใครที่ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ในภาคนี้ให้หาเวลาว่างดูได้เลย เพราะเป็นหนังที่ดีมีคุณภาพและคลายเครียดได้ดีมากๆ แต่ก็น่าจะเป็นเวลาว่างจริงๆ เล็กน้อยเพราะหนังออกจะซับซ้อนบ้างในบางช่วย ซึ่งเราอาจต้องหยุดคิดตามแต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ สรุปให้เลยแล้วกัน หนังดีแบบที่ไม่ขอสปอย์เนื้อหาสำคัญ ไปดูเอาเองเดี๋ยวจะไม่สนุก
    








 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม