Review : [ Bruce Almighty : 7 วันนี้ พี่ขอเป็นพระเจ้า ] (2003)

 


ชื่อเรื่อง : Bruce Almighty : 7 วันนี้ พี่ขอเป็นพระเจ้า (2003) 

กำกับโดย : Tom Shadyac
อำนวยการสร้าง : Tom Shadyac , Jim Carrey , James D. Brubaker และอื่นๆ
ดนตรีประกอบ : John Debney
นักแสดงนำ : จิม แคร์รีย์ , มอร์แกน ฟรีแมน , เจนนิเฟอร์ อนิสตัน และอื่นๆ
หมวดหมู่ : ตลก คอมเมดี้
ความยาว : 101 นาที
วันที่เข้าฉาย : 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2003

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง :
   หนังเรื่องนี้เป็นหนังอีกเรื่องที่ จิม แคร์รีย์ ยอดนักแสดงได้รับบทบาทสำคัญเป็นผู้อำนวยการสร้างร่วมกับ Tom Shadyac เป็นหนังตลกที่ช่วยสร้างแรงบัลดาลใจ และเสริมสร้างพลังในการใช้ชีวิตวุ่ยวานในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้หนังยังเป็นหนึ่งใน

เรื่องย่อ :
    บรูส โนแลนด์ ผู้ประกาศข่าวดวงซวย ผู้ที่พยายามแล้วพยายามอีก ทั้งพยายามทำงานและพยายามเป็นคนดี แต่ถูกมองข้ามแถมยังโดนโชคชตากลั่นแกล้งไม่เคยประสบความสำเร็จ วันหนึ่งด้วยความซวยและจิตตกโคตรๆ สิ่งมหัศจรรย์กำลังก่อตัวและจะเปลี่ยนชีวิตเขาไป เขาจะต้องเจอกับอะไรและจะต้องทำยังไง มาชมและลุ้นไปพร้อมๆ กันกับความฮาที่มาพร้อมกับพลังวิเศษ :D

รีวิว : 
    เป็นหนังตลกที่ฮาเอามากๆ ซึ่งแน่นอนว่า จิม แคร์รีย์ นั้นมีส่วนสำคัญเอามากๆ เพราะการแสดงของเขา ท่าที แอคชั่น แอ๊คติ้งของเขา การแสดงออกทางสีหน้าของเขานั้นดีมากๆ และคิดว่าคงจะหาคนมาเทียบได้ยาก ด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่ว่าหนังจะชงไปในทิศทางไหน เขาก็สามารถแสดงและดึงอารมณ์ของคนดูออกมาได้ดีมากๆ ไม่ว่าจะตลกโปกฮา จริงจัง ท้อแท้ หรือเศร้าก็ตาม
    สิ่งหลักๆ ที่สำคัญและเป็นที่น่าสนใจเลยสำหรับเรื่องนี้คือเรื่องราวที่กลับด้านกันภายในวันเดียวของ บรูส ตัวละครหลักของเรานี่แหละ เนื้อเรื่องก็ตามที่คิดและคาด มันจะเริ่มต้นด้วยสิ่งร้ายๆ โคตรๆ และก็พลิกผันกลับมาดีโคตรๆ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงดิ่งโคตรๆ ในระยะเวลาอันสั่น ซึ่งแน่นอนว่ามันจะค่อยๆ ก่อนตัวขึ้นโดนที่เราไม่รู้ พอถึงจุดๆ ที่หนังเฉลยความจริงออกมา เราจะรู้ตัวได้ทันทีว่าเราอินกับมันไปแล้ว 
    สำหรับหนังเรื่องนี้แม้เอ็ฟเฟคจะไม่ได้ดูสมจริงน่าตื่นตาตื่นใจอะไรมากนัก แต่ก็ถือว่าทำได้ดีเหมาะสมกับหนังในระดับหนึ่ง ซึ่งก็พอเข้าใจได้ว่าเพราะนี่คือหนังตลกจะทำให้ดีและสมจริงมันก็จะดูขัดแย้งเกินไปและแน่นอนว่าหนังจะพยายามชงมุขตลกและเรื่องราวฮาๆ ให้เราตลอดทั้งเรื่อง และในบางทีหนังก็จะแก้เลี้ยนให้เราด้วยเรื่องเศร้าๆ หรือเรื่องแย่ๆ ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับบางคนมันก็ดูแก้อารมณ์ได้ดี แต่สำหรับบางคนอาจจะน่าเบื่อ (แต่ไม่ทั้งหมดหรอกนะ) 
    ซึ่งแน่นอนในช่วงท้ายหนังก็จะเฉลยปมและแก้ไขทุกอย่างของทั้งเรื่องด้วยความดราม่า หนังดึงดราม่าในตอนเจ็บตามสไตล์ของหนังด้วยความตลกเรียบง่ายและฝังข้อคิดไว้ให้ทุกคนได้คิดและตระหนักถึงความตั้งใจของหนัง และนั่นมันดีมากๆ เพราะในช่วงที่ผ่อนคลายของหนังจะทำให้ผู้ชมได้มีเวลาคิดพิจารณาถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหนังด้วย และสิ่งนี้จะทำให้ผู้ชมจำเรื่องราวและวิเคราะห์ผลได้
    
สรุป : 
    แม้หนังเรื่องนี้จะไม่ใช่หนังดังแห่งยุค หนังดีฟอร์มยักษ์ แต่มันใจได้เลยว่าถ้าคุณได้ดูหนังเรื่องนี้คุณจะไม่ผิดหวัง หนังดีมากๆ ดูตลก ทะเล้น เหมือนจะไร้สาระแต่มีข้อคิดดีๆ ให้ตลอด ซึ่งการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากมาย ก็เป็นเครื่องยืนยันได้แล้ว ที่ดีที่สุดมากกว่านั้นคือหนังมอบความอบอุ่นในตอนจบให้ผู้ชมได้ ซึ่งไม่ใช่หนังตลกทุกเรื่องจะทำได้
    

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม