Review : [ GLADIATOR : นักรบผู้กล้าผ่าแผ่นดินทรราช ] (2000)

    



ชื่อเรื่อง :  GLADIATOR : นักรบผู้กล้าผ่าแผ่นดินทรราช (2000)

กำกับโดย :  ริดลีย์ สก็อตต์
นักแสดงนำ : รัสเซล โครว์ , วาคีน ฟินิกซ์ , ริชาร์ด แฮร์ริส , จีมง อูนซู และอื่นๆ
หมวดหมู่ : มหากาพย์ดราม่า / ต่อสู้สงคราม
ความยาว : 154 นาที [ 171 นาที (Extended cut) ]
วันที่เข้าฉาย : 5 พฤษภาคม 2000

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง :
    Gladiator เป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยก่อนที่ความรุนแรงเป็นสิ่งที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือของกษัตริย์ ซึ่งเนื้อเรื่องแทบจะทั้งหมดนั้นถูกดัดแปลงเพื่อเพิ่มรสชาติและความรู้สึกให้กับหนังแต่ทว่ามันก็ยังเป็นเพียงเรื่องแต่งขึ้น เนื่องจากตามประวัติศาสตร์ความจริงแล้วนั้น จักรพรรดิมาร์กุส เอาเรลิอุส ไม่ได้ลอบปลงพระชนม์โดยบุตรชายแต่อย่างใดทว่าบทหนังต้องการเสริมสร้างความเป็นตัวร้ายให้กับตัวละครบางตัวเพียงเท่านั้น
    โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทั้งในด้านของรายได้และในด้านของคำวิจารณ์ ซึ่งหนังเรื่องนี้สามารถทำรายได้สูงถึง 457 ล้านเหรียญ และได้รับรางวัลต่าง ๆ มาอีกมากมายด้วยเช่นกัน

เรื่องย่อ :
    เรื่องทั้งหมดนั้นเริ่มต้นขึ้นที่สมรภูมิหนึ่งในดินแดนรกร้างที่กรุงโรม สมัยที่จักรพรรดิ ก็อมมอดุส ปกครอง โดยมี มักซิมุส เป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพโรมันที่แข็งแกร่งและไร้เทียมทาน พวกเขาสามารถนำทัพชนะศึกสงครามและขยายอาณาการปกครองของโรมออกไปได้สำเร็จ
    ซึ่งในขณะนั้น จักรพรรดิมาร์กุส เอาเรลิอุส ได้คาดหวังให้แม่ทัพมักซิมุส ได้เข้ามาสืบทอดตำแหน่งต่อจากตน ด้วยเหตุนี้ทำให้ ก็อมมอดุส บุตรชายนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก ด้วยความโกรธและบ้าคลั่ง เขาจึงได้ลอบปลงพระชนม์พระบิดาเพื่อช่วงชิงอำนาจมาเป็นของตน และ แสร้งทำเป็นว่า จักรพรรดิมาร์กุส เอาเรลิอุส สวรรคตด้วยโรคชรา
    ซึ่งท้ายที่สุดเพื่อเป็นการกำจัดเสี่ยนหนามออกไปให้หมด ก็อมมอดุส ได้มีคำสั่งให้ตามจับ มักซิมุส โดยกล่าวหาว่า มักซิมุสคิด ต้องการที่จะชิงบัลลังก์และลอบสังหารเป็นกบฏ ทำให้ มักซิมุส ต้องหนีหลบจากการจับกุมตัวและตามล่าจากเหล่าทหารที่เคยภัคดี อีกทั้งเรื่องราวแสนเศร้าลูกเมียเขายังถูกสังหารเพื่อสังเวยต่อความบ้าคลั่งของกษัตริย์พระองค์ใหม่
    ซึ่งเวลาต่อมา มักซิมุส ต้องถูกจบไปเป็นทาสทาสและต้องเข้าร่วมการต่อสู้กลายเป็นกลาดิอาตอร์นักรบเดนตายที่คอยแสดงฝีมือการต่อสู้และเอาตัวรอดให้ผู้ชมในสนามและเหล่าผู้ปกครองชนชั้นสูงได้ชมกัน ซึ่งมักซิมุส ต้องการแก้แค้นก็อมมอดุสที่พรากลูกเมียไปจากเขาเขาจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อเข้าใกล้กษัตริย์ให้ได้โดยใช้การต่อสู้นี้เป็นเครื่องมือ

รีวิว : 
    เป็นหนังที่ถ้าจะดูเอามันส์หรือดูเพื่อความสนุก ความบรรเทิง ก็มากล้นหนังเรื่องนี้พร้อมที่จะให้ในสิ่งที่คุณต้องการได้อย่างเต็มที่ เป็นการเล่าเรื่องความเป็นมาในอดีดที่อิงประวัติศาสตร์ได้อย่างสนุกสุดมันส์มากไปกว่านั้นหากคุณต้องการมองถึงสิ่งที่ลึกซึ้งหรือปรัชญาในหนังหนังก็มีแทรกเอาไว้ให้คุณได้อย่างครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราว หรือคำพูดที่สวยหรูปลุกชวัญกำลังใจ หรือหากคุณต้องการเรื่องราวดราม่าบีบหัวใจหนังก็มีให้ชื่นชมอย่างเต็มอิ่ม พูดได้คำเดียวเลยว่า เหมาะสมแล้วกับทุกรางวัลที่กอบโกยมาได้ไม่มีคำโต้แย้งใดๆ สำหรับหนังเรื่องนี้
    แต่โดยรวมแล้วแม้หนังจะเป็นหนังที่แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ แย่งชิง หรือการต้องการมีชีวิตอยู่ในยุคสมัยที่โหดร้าย แต่ก็จะมีหลายช่วงที่เหมือนจะขัดใจแต่สุดท้ายออกมาดีเฉยเลย เช่นการใช้เพลงประกอบตอนต้นเรื่องที่กำลังมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดง จู่ๆ ก็มีเพลงธีมดราม่าซึ้งๆ ขึ้นมาซะงั้นแต่สุดท้ายมันก็ปูและเข้ากับเนื้อเรื่องสื่อให้เห็นถึงชัยชนะที่สูญเสียและสมบูรณ์แบบได้อย่างไร้ที่ติ อีกทั้งยังทำให้เรารู้สึกตื้นตันได้เสียอีก ถือว่ายอดเยี่ยมมากเลยในส่วนนี้ต้องขอชมจริงๆ
    หนังเรื่องนี้หากเรามองดูดีๆ ความต้องการนั้นมีเพียงน้อยนิดแต่มันถูกยืดเยื้อออกไปเพราะความไม่สมหวังเรื่องราวต่างๆ มากมายที่ถูกเรียงร้อยเข้ามาในเรื่องชวนให้ปวดใจ แม้ตอนจบจะนำพามาด้วยชัยชนะที่หอมหวานและยิ่งใหญ่ ทว่าสิ่งสุดท้ายที่เรื่องนี้ต้องการถ่ายทอดให้ผู้ชมได้เห็นคือการปล่อยวางจากจุดที่สูงสุดของความตั้งใจ เมื่อเราได้รับสิ่งที่สมหวังแล้วสิ่งสุดท้ายสิ่งเดียวที่เราทุกคนควรได้รับคือการปล่อยวางและหันหน้าหาเป้าหมายใหม่ หรือ ในหนังที่แสดงออกมาหลังจากจบสงครามคือการกลับบ้านที่แสนอบอุ่น 
    นักแสดงแต่ละคนสามารถรับผิดชอบบทของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม การแสดงความรู้สึกสับสน ความวิตกกังวล ต่างๆนาๆ ตามหน้าที่และลำดับชั้นของการปกคริงเป็นไปอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ตัวละครเด่นๆ หลักๆ ในเรื่องยังเป็นนักแสดงที่มากด้วยความสามารถอยู่แล้ว หนังเรื่องนี้เก็บรายละเอียดได้อย่างดีเยี่ยม
    จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าแม้หนังจะรุนแรง ดุเดือด บ้าคลั่ง แต่มันก็มีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ภายใน มีปรัชญา การใช้ชีวิต และ ข้อคิดให้เราได้วิเคราะห์อยู่ด้วย ตั้งแต่ต้นจนจบ 
    ในเรื่องของบทด้วยความยาวของหนังอาจทำให้มีบางส่วนที่คนดูอาจรู้สึกเบื่อหน่ายบ้างเนื่องจากบทพูดนั้นแอบเยอะและพูดในสิ่งที่เราไม่รู้ เช่น ประวัติศาสตร์ของโรมในช่วงนั้น แต่หนังก็ได้ให้ตัวละครอธิบายออกมาให้เห็นภาพได้บ้างในระดับที่พอทำให้เราสามารถรับชมได้อย่างรู้เรื่อง
    ซึ่งในท้ายที่สุดหนังจบได้อย่างสมบูรณ์แบบ หนังดึงเอาความรู้สึกสมหวัง แรงปราถนา ความผิดหวัง ออกมาผสมกันได้อย่างลงตัว ไม่มีที่ติใดๆ แล้วจริงๆ
    
สรุป : 
    เป็นหนังที่โคตรรรรรรรดี และทุกท่านสมควรดูเรื่องนี้ ใครที่ยังไม่เคยดูแนะนำให้รีบหลบสปอยด์แล้วไปหาดูได้เลย คุณจะไม่เสียดายเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งอย่างแน่นอน ผมให้ 10/10 เลยครับ สำหรับหนังเรื่องนี้ 
    

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม