Review : [ LIFE OF PI : ชีวิตอัศจรรย์ของพาย ] (2012)

   



ชื่อเรื่อง : LIFE OF PI : ชีวิตอัศจรรย์ของพาย (2012)

กำกับโดย :  Ang Lee
ดนตรีประกอบ : Mychael Danna
นักแสดงนำ : Suraj Sharma , Irrfan Khan , Rafe Spall , Tabu , Adil Hussain และอื่นๆ
หมวดหมู่ : ดราม่า / พจญภัย / เหนือจินตนาการ
ความยาว : 127 นาที
วันที่เข้าฉาย : 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง :
    หนังเรื่องนี้ถูกสร้างอิงจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ Yann Martel ในปี 2544 กำกับการแสดงโดย Ang Lee และ เขียนบทโดย David Magee เนื้อเรื่องเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหนุ่มชาวอินเดียชื่อว่า "พาย" และการใช้ชีวิตของเขา โดยการเอาตัวรอดจากเรืออับปางเมื่ออายุ 16 ปี ลอยเคว้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกที่กว้างใหญ่บนเรือชูชีพที่มีเสือโคร่งเบงกอลอาศัยอยู่ร่วมกัน 
    Life of Pi กลายเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยหนังเรื่องนี้สามารถสร้างรายได้ไปกว่า 609 ล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก และ ได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์มากมาย พร้อมทั้งยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำถึงสามรางวัล รวมถึงถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม – ละครและผู้กำกับยอดเยี่ยม และได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์ประกอบยอดเยี่ยมอีกด้วย

เรื่องย่อ :
    จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นที่สวนสัตว์แห่งหนึ่งที่กำลังประสบกับปัญหาทางด้านการเงินจนต้องทำการย้ายไปที่แคนาดา ซึ่งพวกเขาตั้งใจที่ตั้งถื่นฐานใหม่ที่นั่น โดยพวกเขาเลือกที่จะเดินทางไปบนเรือบรรทุกสินค้าพร้อมกับเหล่าสัตว์ต่างๆ มากมาย ในขณะนั้นก็มีพายุกลางทะเลเกิดขึ้นจนเกิดเรืออับปางและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวการเดินทางที่แสนน่าเหลือเชื่อของเขา ที่จะไม่มีใครเชื่อไปตลอดกาล.

รีวิว : 
    หนังเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยความเรียบง่ายและออกจะน่าเบื่อ บางฉากในช่วงแรกๆ ไม่ค่อยน่าสนใจเสียด้วยซ้ำ แต่ทั้งหมดนั่นก็เป็นการปูจุดเริ่มเรื่องทั้งหมดก่อนที่หนังจะเริ่มเล่าให้เห็นถึงจุดเริ่มต้นจริงๆ 
    โดยหนังเรื่องนี้จะมีการนำเสนอในรูปแบบการเล่าเรื่อง โดยเรื่องนี้คล้ายจะมาจากนักเขียนที่ได้ฟังเรื่องราวมาจากตัวจริงอีกที ซึ่งพบเห็นได้ในหนังดราม่าหลายๆ เรื่อง
    สำหรับหนังเรื่องนี้บอกได้เลยว่าต้องรอถึงช่วงระยะเวลาหนึ่งเลยกว่าหนังจะเริ่มเข้าสู้เนื้อเรื่องที่หนังต้องการจะนำเสนอจริงๆ ซึ่งมันอาจจะดูน่าเบื่อมาก และจุดที่ยากจะปรับตัวเข้าหาเลยนั่นก็คือพอถึงช่วงที่จะเชื่อเรื่องในตอนแรกกับเนื้อเรื่องหลักเข้าด้วยกัน หนังจะพาคนดูเข้าสู่ความลุ้นระทึก ตื่นเต้น อึดอัด และแน่นอนว่าหนังเรื่องนี้ถ้าเป็นคนที่รักสัตว์รักสิ่งแวดล้อมมาดูละก็ อาจได้มีน้ำตาตกในกันตั้งแต่ต้นๆ เรื่องเลยด้วยซ้ำ หนังนำเสนอมุมมองได้โหดร้ายและอึดอัดมาก เพื่อส่งมอบความรู้สึกที่เราคิดไม่ถึงแต่ต้องทำในขณะนั้น นั่นก็คือความรู้สึกที่ต้องเอาชีวิตรอด หรือ กระตุ้นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเราแบบอัตโนมัตินั่นเอง 
    สำหรับงานภาพหรือเสียงส่วนตัวมองว่าไม่ได้ดีเด่นอะไร แต่สำหรับบางฉากมันซื้อใจเราได้จริงๆ มันทำให้เราหลุดไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งได้เลย แม้เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ คือในช่วงที่หนังต้องการให้เราผ่อนคลายความเครียดสิ่งเหล่านี้ก็จะเริ่มเข้ามาเพื่อให้เราได้คลายความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นก่อนหน้าหรือทั้งหมดตั้งแต่เริ่มเหมือนจุดพักเบรกเล็กๆ หลายๆ จุดจนกระทั่งถึงจุดสิ้นสุดนั่นเอง
    ในส่วนของงานเนื้อเรื่องแน่นอนว่ามันมาจากการเล่าเรื่องของผู้เขียนซึ่งก็จะดูแปลกๆ บ้างเล็กน้อย บางสิ่งอย่างดูไม่สมเหตุผลและเป็นขัดแย้งกันในตัว หนังพยายามสื่อให้เห็นความโชคร้ายของเด็กคนหนึ่งที่ต้องสุญเสียทุกอย่างไปในทะเลอันโหดร้ายและต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดเพื่อให้ไปถึงฝั่งแต่เมื่อถึงฝั่งแล้วก็ยังไม่พ้นคราวที่ต้องสุญเสียอีกเช่นกัน ดราม่าจนวินาทีสุดท้ายเลย จึงทำให้หนังเรื่องนี้สร้างความอึดอัดใจเป็นอย่างมากให้กับคนที่ดูและอย่างที่เคยบอกไปว่าถ้าหากเป็นคนที่รักสัตว์ด้วยแล้วหนังเรื่องนี้ทำร้ายจิตใจคนรักสัตว์ได้ดีมากๆ ในระดับหนึ่งเลย
    
สรุป : 
    หนังเรื่องนี้อาจจะมุ้งเน้นไปที่คนดูเฉพาะกลุ่ม เพราะเนื้อเรื่องไม่ได้ดูมีอะไรโดดเด่นถ้าเทียบกับหนังดังๆ หรือหนังที่ได้รับความนิยม แต่หนังจะถูกอัดแน่นไปด้วย ชีวิต และ จินตนาการ ซึ่งมันดูเหมือนจะดีแต่สุดท้ายพวกเขาเลือกเสริฟความผิดหวังที่ไม่ทานไม่ได้มาให้เรา นั่นคือการขยี้ให้ปวดใจแบบสุดๆ ไม่แปลกใจเลยที่จะพิชิตใจคนบางกลุ่มได้เต็มๆ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ดีเอามากๆ แต่ก็ไม่เหมาะกับทุกคน หนังต้องใช้ความเข้าใจและตั้งใจเยอะในการดู ฉนั้นใครที่ชอบดูอะไรง่ายๆ ผ่านได้เลยครับ แต่สำหรับคนที่ต้องการดูอะไรที่ลึกซึ้งแล้วเสพความรู้สึกหนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่คุณควรดู
    

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม