Review : [ RUSH : อัดเต็มสปีด ] (2013)
กำกับโดย : Ron Howard
ดนตรีประกอบ : Hans Zimmer
นักแสดงนำ : Daniel Brühl , Chris Hemsworth , Olivia Wilde , Alexandra Maria Lara และอื่นๆ
หมวดหมู่ : รถแข่ง / กีฬา / ดราม่า / ชีวประวัติ
ความยาว : 123 นาที
วันที่เข้าฉาย : 26 กันยายน ค.ศ. 2013
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง :
Rush เป็นภาพยนตร์กีฬาชีวประวัติปีที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการแข่งขันรถสูตรหนึ่งระหว่าง Hunt และ Lauda James Hunt ชาวอังกฤษ และ Niki Lauda ชาวออสเตรีย ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงระหว่างฤดูกาลแข่ง ปี 1976 เขียนบทโดย ปีเตอร์ มอร์แกน กำกับโดย รอน ฮาวเวิร์ด และนำแสดงโดย คริส เฮมส์เวิร์ธ ในบท ฮันต์ และ แดเนียล บรูห์ล ในบท เลาดา ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายรอบปฐมทัศน์ในลอนดอนเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556 และเข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต พ.ศ. 2556 ก่อนเข้าฉายในอังกฤษในวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 (ค.ศ. 2013)
เรื่องย่อ :
หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่สร้างมาจากชีวิตจริงของอดีดนักแข่งรถฟอร์มูล่าวันหรือรถสูตร 1 ทั้ง 2 คนที่ไม่ค่อยจะถูกกันมากนักแต่ทั้งคู่กลับต่างก็เป็นแรงผลักดันของกันและกันเป็นพลังให้ตัวเองมีเป้าหมาย พวกเขาต่างเป็นแชมป์โลกที่มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อครั้งในอดีต และปรากฏการณ์ในสนามแข่งครั้งนั้นยังคงได้รับการกล่าวขานเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ มันคือยุคทองของการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวัน ในปี 1976 มีทัวร์นาเมนต์เก็บคะแนนสะสมที่มีสีสันอย่างสุดๆ และผู้ชายสองคนนี้ก็คือผู้สร้างสีสันอันนั้นก็คือพวกเขาทั้ง 2 คนนั้นเอง
รีวิว :
ถึงจะบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังเกี่ยวกับรถแข่งหรือการแข่งขันรถฟอร์มูล่าวันหรือรถสูตรหนึ่งที่ฟังดูแล้วน่าจะดุเดือด ซะใจ การแข่งขันด้วยความเร็วที่น่าตื่นเต้น แต่จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้หาเรามองดูดีๆ มันเป็นหนังแนวดราม่า ชีวะประวัติ ที่จะเล่นถึงการมีอยู่ เหตุการณ์ต่างๆ จุดพลิกพลันของชีวิตคนๆ หนึ่ง และอื่นๆ อีกมากมาย
โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้ถือว่ามีหลายรสชาติมากๆ สนุก เศร้า สร้างแรงบัลดาลใจ ความเข้าใจในการมีอยู่ของตัวเองและศัตรู ซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยนัก นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งจุดชูโรงของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้
การได้เสพเนื้อเรื่องที่มีตัวเอง 2 ตัวอยู่คนละฝั่งกัน ต้องห่ำหั่นกันด้วยทุกอย่างที่มี ทั้ง 2 แข่งเคียงข้างกันมาตลอด จนวันหนึ่งมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น และนั่นเปลี่ยนอะไรๆ ไปหลายอย่าง ตลอดการ ผมชอบในส่วนนี้ที่ตัวละครเริ่มฉุดคิดได้ มันสื่อถึงอารมณ์ ถึงความเป็นมนุษย์ได้ดี ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเอามากๆ ความต้องการจะเอาชนะใครคนหนึ่งให้ได้ตลอดเวลาและอยากเป็นแบบนั้นตลอดไป
ในส่วนของเนื้อเรื่องการเล่าเรื่องแน่นอนว่านี่เป็นหนังชีวะประวัติดังนั้นมันก็ต้องมีบางส่วนที่จะเล่าถึงการดำเนินชีวิตของตัวละครหลักว่าเขาทำอะไร เขาได้รับอะไรมาบ้าง จนสุดท้ายเขาเลือกที่จะทำอะไร อะไรเป็นแรงจูงใจให้เขาทำแบบนั้น และสุดท้ายคือเรื่องราวของการมีชีวิตคู่ ซึ่งแน่นอนว่าในส่วนนี้ถ้าหากผู้ชมที่เข้ามาดูหนังต้องการแค่มาเสพเรื่องของการแข่งขัน และการใช้ความเร็ว อาจจะต้องบอกว่าน่าเบื่อเลยเพราะซีนแบบนั้นมีไม่ค่อยเยอะมาก เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่หนังจะเล่าให้เราฟังดังนั้นจุดนี้ ทำใจนะครับถ้าใครไม่ได้ชอบหนังแนวดราม่า ชีวะประวัติ ละก็
ส่วนในเรื่องของเสียงซึ่งเป็นอีกจุดที่สำคัญและต้องเก็บรายละเอียดเอาเยอะมากๆ เนื่องจากว่าหนังการแข่งรถและยิ่งเป็นรถสูตร 1 ที่มีเอกลักษณ์เด่นๆ ไม่ใช่แค่ความเร็ว อีกอย่างที่เป็นสเน่ของกีฬานี้คือเรื่องของเสียง แน่นอนครับว่ามันเป็นเสียของเครื่องยนต์รถนั่นเอง การถ่ายทอดเสียงออกมาให้สมจริง และไม่น่ารำคาญจนเกินไปเป็นอีกโจทย์ที่ยากมากสำหรับหนังเรื่องนี้ หนังต้องทำเสียงให้ดุดันปลุดใจในบางช่วง ทำให้น่าฟังในช่วงที่กำลังโฟกัสไปที่จุดอื่นอยู่ ทำให้ฟังสบายแต่ยังรู้ว่ามีอยู่ ซึ่งท้ายที่สุดหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีเลย สำหรับใครที่ชอบรถหรือเครื่องยนต์แล้วละก็ งานเสียงของหนังเรื่องนี้นับว่าดีเลยครับ เพลิดเพลินเลย
สำหรับส่วนสุดท้ายที่อยากพูดถึงก็คือเรื่องของการให้ข้อคิดและแรงบัลดาลใจ โดยสุดท้ายแล้วหนังเรื่องนี้แม้จะจบแบบอึดอัดเล็กน้อยเพราะเรื่องราวที่น่าประทับใจมันสั้นเหลือเกิน อีกทั้งหนังยังทำให้ตัวละครหลักเป็นตัวละครหลักจริงๆ จนทำให้มิตรภาพในตอนท้ายมันดูเหมือนจะดีแต่ก็หักมุมไปซะดื้อๆ ซึ่งก็แน่นอนว่ามันดีนะแต่มันก็แอบขัดใจเล็กน้อย ซึ่งสุดท้ายแล้วตัวละครต่างๆ ก็เลือกที่จะไปตามเส้นทางของตัวเองและจบลงเท่านั้น ถือว่าไม่แฮปปี้ และ ไม่เศร้า จบแบบอื้มชีวิตคนเราปกตินี่แหละง่ายดี
สรุป :
แม้จะไม่ใช่หนังที่น่าตื่นเต้น เร้าใจแบบ ตลอดทั้งเรื่อง แต่ก็เป็นหนังที่ดี ฝากข้อคิดในมุมเล็กๆ ที่หลายคนไม่ได้คิดถึง เป็นหนังที่ดีมากๆ ในเรื่องของความรู้สึกและการเข้าใจคนรอบข้าง ไม่เสียหายเลยถ้าจะดูไว้เพื่อเสพความสุขเล็กๆ น้อยๆ แนะนำให้ดูครับหนังดีจริงๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น