Review : [ The Terminal : ด้วยรักและมิตรภาพ ] (2004)

         




ชื่อเรื่อง : The Terminal : ด้วยรักและมิตรภาพ (2004)

กำกับโดย :  Steven Spielberg
นักแสดงนำ : Tom Hanks , Catherine Zeta-Jones , Stanley Tucci , Chi McBride และอื่นๆ
ดนตรีประกอบ : John Williams
หมวดหมู่ : ดราม่า / คอมเมดี้
ความยาว : 128 นาที
วันที่เข้าฉาย : 18 มิถุนายน ค.ศ. 2004

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง :
     The Terminal เป็นภาพยนตร์แนว ดราม่า-คอมเมดี้ สัญชาติอเมริกัน ที่ถูกสร้างขึ้นมาและออกฉายในปี 2004 ซึ่งอำนวยการสร้างและกำกับเองโดย สตีเวน สปีลเบิร์ก เจ้าพ่อหนังดราม่าอันดับต้นๆ ของวงการ และในครั้งนี้พวกเขาได้คว้าตัวนักแสดงมากฝีมืออย่าง ทอม แฮงค์ส , แคทเธอรีน ซีตา-โจนส์ และ สแตนลีย์ ทุชชี มาร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย ซึ่งเนื้อเรื่องก็ได้รับแรงบัลดาลใจมากจากเรื่องจริงของชายชาวยุโรปตะวันออกที่ต้องติดอยู่ในอาคารผู้โดยสารหลังจากที่ลงเครื่องมา และ ใช้ชีวิตยาวนานอยู่ในสนามบินจอห์น เอฟ. เคนเนดีของนิวยอร์ก เนื่องจากเขาได้ถูกทางการปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศสหรัฐอเมริกา และ ในขณะเดียวกันนั้นเองด้วยเหตุการณ์บางอย่างก็ทำให้ตัวของเขานั้นไม่สามารถที่จะเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดได้เช่นเดียวกัน

เรื่องย่อ :
    เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจากชายคนหนึ่งชื่อว่า วิคเตอร์ นาโวลสกี้ (Victor Navorski) ซึ่งเป็นนักเดินทางที่ขึ้นเครื่องบินมาจากประเทศบ้านเกิด เพื่อมาทำธุระบางอย่าง แต่ด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทางไกลกลางอากาศ ทำให้เขาต้องพบกับเรื่องราวมากมายเมื่อตัวเองได้ลงจากเครื่องบินมาถึงพื้นของประเทศสหัรัฐอเมริกา และ ก้าวเท้าเข้าไปยังสนามบิน จอห์น เอฟ. เคนเนดี หลังจากนั้นเขาถูกควบคุมตัวและสอบสวนเป็นเวลานานจากเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย เนื่องจากเหตุผลบางประการทำให้เขาไม่สามารถเข้าประเทศได้อย่างถูกกฏหมาย และ ไม่สามารถเดินทางกลับไปยังบ้านเกิดที่เขาจากมาได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นเหตุผลให้เขาต้องใช้ชีวิตแบบถูกขังอยู่ในสนามบินอันกว้างใหญ่เป็นเวลายาวนาน เรื่องราววุ่นๆ และ ตลก พร้อมทั้งเรื่องราวดราม่าซึ้งน้ำตาคลอ กำลังรอเขาอยู่ที่สนามบินแห่งนี้ เป็นความทรงจำที่จะไม่มีวันลืมเลือน ตลอดไป.

รีวิว : 
    ก่อนอื่นต้องยอมรับก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ประสบความสำเร็จเยอะมาก แต่ทว่ากลับได้รับคำวิจารณ์ในแง่บอกน้อยเหลือเกิน ซึ่งหลายคนที่ได้ชมหนังเรื่องนี้ก็มีทั้งที่ยอมรับและไม่เห็นด้วย เนื่องจากส่วนหนึ่งก็มาจากการพาดพิงทางด้านการเมืองระหว่างประเทศด้วยที่ทำให้หนังเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะอ่อนไหวต่อผู้ชมบางกลุ่ม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะผลงานที่ออกมาได้รับรายได้ถล่มถลายเกินคาดมาก 
    โดยหนังเรื่องนี้เป็นหนังแนว ดราม่า-คอมเมดี้ ซึ่งจะสอดแทรกมุขตลกและเรื่องราวตลกๆ เข้าไปในเนื้อเรื่องและพยายามจะให้ดำเนินเรื่องราวแสนหดหู่ไปพร้อมๆ กันเพื่อไม่ให้เกิดความคิดด้านลบในการชมหนังมากเกินไปตลอดทั้งเรื่อง เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะต้องไม่ดีมากๆ แน่ๆ ถ้าเกิดเราต้องทนดูหนังที่ให้ความรู้สึกแย่ๆ ตลอด 2 ชั่วโมง 
    หนังเรื่องนี้มีการดำเนินเรื่องที่ให้รายละเอียดมากกว่าเดินไปข้างหน้า โดยหนังจะเจาะลึกถึงการต้องทนใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเป็นเวลานานในพื้นที่ที่ไม่ใช่บ้านตัวเอง และ ไม่สามารถใช้ภาษาสื่อสารได้ นั่นทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างน่าลำบาก แต่การอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน ทำให้เขาถูกจับตาจากเจ้าหน้าที่และคนที่ต้องทำงานอยู่ที่นั่น เช่นกันจนวันหนึ่งมันเกิดเป็นความสัมพันขึ้นมาและนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวดีๆ ที่หนังจะสื่อให้ผู้ชมได้ดู ความรู้สึกอบอุ่น ครอบครัว ความดราม่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ถูกซ่อนเอาไว้ในเรื่องแบบเรียบง่าย ซึ่งมันจะค่อยๆ สร้างความประทับใจให้เราทีละเล็กทีละน้อยจนกระทั่งวันหนึ่งซึ่งเป็นตอนจบของเรื่องกับสิ่งเหล่านั้นก็ได้ระเบิดขึ้นอย่างน่าตื้นตันสร้างความดราม่าให้เราอย่างเต็มอิ่มแทบไม่ต้องหาอะไรมาดูเพิ่มอีกเลย
    ซึ่งในตอนจบนั้นหนังจะส่งสิ่งสุดท้ายเป็นของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ที่สุดจนน่าตกใจเลย หลังจากที่ชมแล้วหนังเรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกอ่อนแอมากจนอยากจะกลับไปอยู่กับครอบครัว ความทรงจำ การพบเจอ และการจากลา มันทำให้เรารู้สึกหวั่นไหวเอามากๆ และหนังก็จบไปแบบอบอุ่นหัวใจแต่ทิ้งคราบน้ำตาไว้
    
สรุป : 
    เป็นหนังที่ไม่ได้ดีมาก แต่ก็ไม่ได้แย่มาก แต่หลังจากดูจนจบคุณจะจดจำหนังเรื่องนี้ได้ไปอีกนานแสนนานเลย รับรองจะไม่ผิดหวัง หนังเรื่องนี้แม้จะดูเศร้าและหดหู่ แต่หนังเรื่องนี้จะฮีลหัวใจให้คุณได้อย่างดีมากแน่ๆ ปรัชญาที่สอดแทรกในหนังจะทำให้คุณหัวใจฟูมากๆ แนะนำให้ดูแบบสุดๆ เลยสักครั้งในชีวิต

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม