Review : [ Christopher Robin : คริสโตเฟอร์ โรบิน ] (2018)

                



ชื่อเรื่อง : Christopher Robin : คริสโตเฟอร์ โรบิน (2018)

กำกับโดย :  Marc Forster
นักแสดงนำ : Ewan McGregor , Hayley Atwell , Jim Cummings , Brad Garrett
ดนตรีประกอบ : Geoff Zanelli , Jon Brion
หมวดหมู่ : ชีวประวัติ / อนิเมชั่น / แฟนตาซี / ดราม่า / คอเมดี้
ความยาว : 104 นาที
วันที่เข้าฉาย : 3 สิงหาคม ค.ศ. 2018

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง :
     Christopher Robin : คริสโตเฟอร์ โรบิน เป็นภาพยนตร์แนว ดราม่า / คอมเมดี้ / แฟนตาซี / อนิเมชั่น / ชีวประวัติ ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือเด็กยอดนิยมในยุคก่อนอย่าง วินนี่เดอะพูห์ ของ เอ.เอ. มิลน์ และ อี. เอช. เชพเพิร์ด ซึ่งเคยเป็นทั้งนิทาน และ การ์ตูนอนิเชั่น 2D ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในอดีด

เรื่องย่อ :
    เรื่องราวดังต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่เคยโลดแล่น และ มีความสุขอยู่ในป่าร้อยเอเคอร์  จนกระทั่งวันเวลาผ่านไป จากเด็กน้อยได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง คริสโตเฟอร์ โรบิน เมื่อวันเวลาไม่เคยหยุดอยู่กับที่เขาสูญเสียจินตนาการ และ ห่างไกลออกจากเพื่อนๆ ในป่าร้อยเอเคอร์ออกไปเรื่อยๆ และในวันหนึ่งที่เขาได้กลับมาพบกับเพื่อนเก่าของเขาที่เคยแน่นแฟ้นในอดีต วันเวลาหวนย้อนกลับ วินนี่เดอะพูห์ และ พองเพื่อน ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
    
รีวิว : 
    เป็นหนังแห่งความทรงจำอีกเรื่อง ที่กำลังจะเล่าตอนจบของเรื่องราวอันยาวไกล สิ่งต่างๆ รอบตัวที่เกิดขึ้นและกำลังก้าวเดินไปข้างหน้าวันเวลาไม่เคยหยุดอยู่กับที่ ทำให้เรื่องเศร้าหลายอย่างเดินเรียงเข้ามาในชีวิต เป็นเรื่องจริงที่เราทุกคนต่างต้องพบเจออยู่แล้ว หนังได้ถ่ายทอดความรู้สึกแห่งความเจ็บปวด และ ห่างไกลจากสิ่งที่รักให้เรา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เราพอคาดเดาได้จากหนังแนวดราม่า คือเนื้อเรื่องจะต้องหดหู่ เจ็บปวดรวดร้าว หรือ ตัวละครหลักจะต้องมีปมบางอย่าง เพื่อรอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วก็จะเสริฟรสชาติความสุข สมหวังมาให้ เพื่อสร้างอิมแพ็คให้กับหนัง
    เนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะดำเนินไปได้คล้ายกับการเล่าเรื่องของนิทาน เหมือนในฉบับการ์ตูนที่เคยโด่งดังก่อนหน้า ตัวละครเยอะแยะถูกเพิ่มเข้ามาเป็นตัวละครที่บางคนก็ไม่รู้จักหรือไม่เคยเจอในฉบับการ์ตูน แต่ในนิยายก็ยังมีการเอ่ยถึงตัวละครเหล่านี้บ้าง 
    ในส่วนของเสียงพากษ์และเสียงดนตรีประกอบ ก็ถือว่าทำได้ดี การถ่ายทอดเสียงของตัวละครทำให้เรารู้สึกเหมือนยังอยู่ในช่วงเวลาเดิมๆ กับตัวละครและหนังเรื่องโปรดอย่าง วินนี่เดอะพูห์ อยู่ถือว่าดีมากๆ เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากๆ เพราะด้วยความที่เป็นไลฟ์แอคชั่น ตัวละครในการ์ตูนจะต้องถูกทำออกมาให้เป็นเหมือนของจริงจึงยากที่จะทำให้เราลบภาพตุ๊กตาหมีสุดน่ารักไปได้เมื่อมันกลายเป็นตัวละครหมีจริงๆ แต่ทางทีมงานก็ได้ใส่ใจในรายละเอียดของเสียง ลักษณะการพูดของตัวละคร ซึ่งจะสื่อและดึงความรู้สึกจากวันวานกลับมาได้อย่างเต็มที่มากๆ ซึ่งก็ดีเอามากๆ เลยยอดเยี่ยม น่าประทับใจ
    งานภาพก็ถือว่าทำได้ดีฉายภาพได้สวย การออกแบบวิวทิวทัศน์ งานภาพฉากในป่าร้อยเอเคอร์ หรือ ฉากอื่นๆ จัดวางออกมาได้สวยมากเลย ทำให้เราเห็นมุมมองที่แตกต่างออกไปของป่าร้อยเอเคอร์ในความเป็นจริง
    หนังเดินเรื่องเนื้อเรื่องตามที่วางไว้อย่างที่ควรจะเป็น จนถึงจุดๆ หนึ่งที่หนังจะเปลี่ยนความรู้สึกคุณเพื่อสร้างแรงกระเพื่อมบางอย่างให้กับคุณ ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก และนั่นคือสิ่งที่คุณควรไปหาคำตอบเอาเองในหนังเรื่องนี้...
    
สรุป : 
    แม้ในอดีดจะเป็นหนังการ์ตูนสำหรับเด็กที่ดูอบอุ่น ไร้เดียงสา น่ารัก เอามากๆ แต่ในเวอร์ชั่นนี้ออกจะดูทำร้ายจิตใจอยู่ ด้วยความเป็นหนังดราม่า แต่ก็มอบความอบอุ่นและความสุขพร้อมน้ำตาหยดเล็กๆ ให้เราได้ ถือว่าเป็นอีกหนังที่แนะนำให้แฟนๆ ได้ดูแล้วบันทึกไว้ในความทรงจำที่ดีอีกเรื่องเลย 

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม